การบริหารการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายในเป็นกระบวนการสำคัญที่องค์กรต้องมีเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในช่วยให้องค์กรรับมือกับความผิดปกติและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยตั้งเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินงานและสร้างระบบการควบคุมภายในที่เข้มแข็ง เพื่อป้องกันการทุจริตและการฉ้อโกง นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและมีคุณภาพในการดำเนินงานขององค์กร

หลักการแรก

ของการบริหารการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายในคือการระบุและรับรู้ความเสี่ยง ในการดำเนินงานขององค์กร จำเป็นต้องระบุและรับรู้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความเสี่ยงทางธุรกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงในตลาด การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาล หรือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานภายใน หลักการนี้จะช่วยให้องค์กรรับมือกับความผิดปกติหรือปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร้ปัญหาและทันท่วงที

หลักการที่สอง

คือการประเมินความเสี่ยงและการวางแผนการจัดการความเสี่ยง หลักการนี้เกี่ยวกับการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงที่ระบุขึ้นมา โดยการประเมินความเสี่ยงจะช่วยให้องค์กรมีมุมมองรอบด้านเรื่องความเสี่ยง และวางแผนการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การกำหนดวิธีการรับมือและการลดความเสี่ยง โดยพิจารณาและวิเคราะห์ความเสี่ยงที่เป็นไปได้ทั้งในระดับองค์กรและระดับพื้นที่ทำงาน

หลักการที่สาม

คือการดำเนินการควบคุมและปรับปรุง หลักการนี้เกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อควบคุมความเสี่ยงและปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการควบคุมควรเป็นไปในทิศทางที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการความเสี่ยง และต้องมีการตรวจสอบและติดตามผลเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานต่อไป การปรับปรุงนั้นควรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องเพื่อให้องค์กรเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

หลักการสุดท้าย

คือการสร้างและส่งเสริมวัฒนธรรมการควบคุมภายใน หลักการนี้เน้นความสำคัญของวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการควบคุมภายใน ทั้งในระดับผู้บริหารและพนักงานทุกคน การสร้างวัฒนธรรมการควบคุมภายในเกี่ยวข้องกับค่านิยม ความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส และการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งการสร้างวัฒนธรรมเชิงบวกดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความมั่นคงและเป็นธรรมในการดำเนินงานขององค์กร

ในสรุป หลักการ การบริหารการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายใน เป็นแนวทางที่สำคัญในการดำเนินงานขององค์กร เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันการทุจริต ปรับตัวตามกฎหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กรให้สูงสุด

ทำไมต้องมี…?? การบริหารการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายใน

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ประกาศเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 โดยมาตรา 62 บัญญัติให้รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่งคงอย่างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และจัดระบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม จึงมีการกำหนดพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2561 กล่าวถึงหมวด 4 การบัญชี การรายงาน และการตรวจสอบ มาตรา 79 บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการตรวจสอบภายใน การควบคุมภานในและการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งการควบคุมภายในและการบริหารจัดการความเสี่ยงถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงานมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากความผิดพลาด ความเสียหายของการใช้ทรัพย์สินหรือการกระทำอันเป็นการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้

จากพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 79 ดังที่กล่าวมา กระทรวงการคลังจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2561 ประกาศ ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2561 รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2562 ประกาศ ณ วันที่ 18 มีนาคม 2562 โดยให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ฯ กรณีหน่วยงานของรัฐ มีเจตนาหรือปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ปฏิบัติฯ ที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยไม่มีเหตุอันควร ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมในการเสนอความเห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของหน่วยงานของรัฐนั้น

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :

  1. หลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2561
  2. หลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2562″